Saturday, November 16, 2013

TOEFL ที่ใช้กันในปัจจุบัน


ในปัจจุบัน TOEFL ก็มีหลายตัว ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกเวอร์ชั่นไหนสอบ ก็ขอให้หารายละเอียดและข้อแตกต่างของแต่ละเวอร์ชั่นกันก่อนค่ะ

ขอเริ่มที่เวอร์ชั่นที่เป็นที่แพร่หลายทั่วโลกในปัจจุบันก่อนนะคะ เวอร์ชั่นนี้เรียกว่า TOEFL iBT (TOEFL Internet-Based Test) เป็นข้อสอบที่ต้องทำผ่านทางคอมพิวเตอร์ โดยการจัดการตัวข้อสอบ (เช่น การรับส่งคำถาม คำตอบ) จะทำผ่านระบบอินเตอร์เนต โดยข้อสอบเวอร์ชั่นนี้จะประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน ซึ่งระดับความยากจะเป็นระดับเดียวกับภาษาอังกฤษที่ใช้ในมหาวิทยาลัย (ช่วง Intermediate ไปจนถึง Advanced) และระยะเวลาในการสอบคือประมาณสี่ชั่วโมงครึ่ง ในเมืองไทยจะเริ่มตั้งแต่ 9.00 น. ไปจนถึงประมาณ 13.30 น.

เนื่องจากข้อสอบ iBT ได้รับการยอมรับแพร่หลาย จัดว่าเป็น Global Test ดังนั้นผู้ที่จะนำผลคะแนนไปใช้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ รองลงมาก็จะเป็นคนที่นำคะแนนไปใช้ในการสมัครยื่นหลักสูตรนานาชาติบางแห่งในเมืองไทย นอกจากนี้ก็ยังมีที่นำไปใช้ในการขอวีซ่า ยื่นขอทุน หรือใช้ในการประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษสำหรับองค์กรต่างๆอีกด้วย

แต่สำหรับในบางประเทศที่ไม่สามารถจัดสอบในระบบ iBT ได้ ก็จะมีการจัดสอบเป็น TOEFL pBT แทน (เช่นในประเทศพม่า) ซึ่งเวอร์ชั่นนี้จะประกอบไปด้วย 3+1 ส่วน คือ สามส่วนแรก คือ listening reading และ Structure and Written Expression (คือทดสอบหลักไวยากรณ์) และอีกหนึ่งส่วนเรียกว่าข้อสอบ TWE (Test of Written English) หรือก็คือ writing นั่นเอง ซึ่ง TWE นี้เป็นส่วนที่บังคับว่า ถ้าจะสอบ pBT แล้วต้องสอบ TWE ด้วย (จะสังเกตเห็นว่า pBT จะไม่มีส่วน speaking แต่ iBT ไม่มีส่วน Structure and Written Expression) ข้อสอบใ้้ช้เวลาทั้งหมดสี่ชั่วโมง



แต่สำหรับในเมืองไทย เราไม่มีข้อสอบ TOEFL pBT อยู่แล้วนะคะ เพราะเรามี iBT มาแทนที่ทั้งหมด แต่ที่กล่าวมานี้ ก็เผื่อว่าถ้าใครจำเป็นต้องเดินทางหรือพักอาศััยในประเทศที่มีแต่ TOEFL pBT เป็นระยะเวลานาน จะได้อ่านไว้เป็นข้อมูลค่ะ

ดังนั้น ข้อสอบ pBT ก็เป็นที่ยอมรับทั่วโลกเช่นเดียวกับ iBT นะคะ เพียงแต่ว่า ขึ้นอยู่กับประเทศที่คุณอยู่ ณ เวลานั้น เช่น ถ้าคุณไปทำงานอยู่ที่แอฟริกาใต้ แล้วยังไม่กลับเมืองไทย แต่ต้องการรีบใช้คะแนน ก็สามารถสอบเป็น pBT ที่แอฟริกาใต้ได้ค่ะ แต่สเกลคะแนนก็จะไม่เหมือนกันนะคะ (iBT คะแนนอยู่ในช่วง 0-120 ส่วน pBT อยู่ในช่วง 310-677) ดังนั้นก็ต้องเช็คจากตารางเปรียบเทียบของ ETS ว่าคะแนน iBT ที่ต้องการ เทียบกับ pBT เป็นเท่าไหร่

นอกจากนี้แล้วยังมี TOEFL ที่ใช้กันอยู่อีกประเภทหนึ่งเรียกว่า TOEFL ITP (TOEFL Institutional Testing Program) เป็นข้อสอบที่มีลักษณะเปเปอร์ (มีกระดาษคำถามและกระดาษคำตอบ) เวอร์ชั่นนี้จะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ reading listening และ Structure and Written Expression ซึ่งก็คล้ายกับ pBT แต่จะไม่มีการสอบการเขียน ระยะเวลาในการสอบคือ ประมาณสองชั่วโมง คะแนนอยู่ในช่วง 310-677

ข้อสอบ ITP จัดเป็น Local Test คือใช้คะแนนยื่นได้แค่ในประเทศ (แม้ว่าข้อสอบ ITP จะมีจัดสอบในประเทศอื่นด้วย เช่น เม็กซิโก แต่ถ้าสอบในเม็กซิโก ก็ใช้ยื่นได้แค่สถาบันในเม็กซิโกเท่านั้น) ดังนั้นผู้ที่จะนำคะแนน ITP ไปใช้ ก็จะได้แก่ ผู้ที่จะสมัครเข้าเรียนต่อในสถาบันในประเทศ (ทั้งนานาชาติและหลักสูตรปกติ) หรือใช้ยื่นขอทุนบางประเภท หรือใ้ช้ประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษ เป็นต้น

กล่าวโดยสรุปก็คือ การยื่นคะแนนเข้าสมัครเรียนต่างประเทศต้องใช้ iBT อยู่แ้ล้ว แต่สำหรับสถาบันในประเทศ หากไม่แน่ใจว่าต้องสอบ TOEFL iBT หรือ TOEFL ITP ก็ขอให้ไปสอบถามทางสถาบันหรือองค์กรที่จะนำคะแนนไปยื่นก่อน ว่ารับคะแนนตัวไหน คือ ตัว iBT เป็นตัวที่ใช้ได้ทุกที่อยู่แล้ว ส่วน ITP ใช้ได้กับแค่บางสถาบันเท่านั้น แต่ถ้าสถาบันนั้นรับคะแนนทั้งสองอย่าง คนมักจะเลือกไปสอบ ITP มากกว่า เพราะค่าสอบถูกกว่า (iBT ราคา 180 USD หรือห้าพันกว่าบาท ส่วน ITP ราคา 1800 บาท) และโดยตัวเนื้อหา ข้อสอบ ITP ก็ง่ายกว่าด้วย ดังนั้นสอบถามข้อมูลจากสถาบันปลายทางที่รับคะแนนให้ละเอียดก่อนสมัครสอบ เพื่อจะได้เลือกสอบได้ถูกอันค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ
TOEFL iBT   :  http://www.ets.org/toefl/ibt/about/
TOEFL pBT  :  http://www.ets.org/toefl/pbt/about
TOEFL ITP  :  http://www.ets.org/toefl_itp/about/

2 comments:

  1. ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ กระจ่างขึ้นเยอะเลย

    ReplyDelete